การแบ่งแยกสีในงานสกรีนเสื้อในการสกรีนเสื้อแบบซิลค์สกรีนวิธีการการเตรียมแม่พิมพ์เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแยกสีในไฟล์งานจากไฟล์งานต้นฉบับ หลังจากนั้นจึงนำไปถ่ายลงฟิลม์หรือพิมพ์ลงกระดาษไข จนถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการนำฟิลม์หรือกระดาษไขไปถ่ายลงบล็อกสกรีน หรือที่เรียกว่า"อัดบล็อก" ซึ่งขั้นตอนการแบ่งแยกสีไฟล์งานต้นฉบับตามร้านรับ
สกรีนเสื้อหรือโรงสกรีนเสื้อจะมีแผนกที่คอยแยกสีพร้อมทั้งยิงฟิลม์ เพื่อส่งไปอัดบล็อกในขั้นตอนสุดท้าย ความยากง่ายของการแยกสีจะขึ้นกับลักษณะของดีไซน์ที่ออกแบบ เช่นเดียวกับ โลโก้ ตัวหนังสือ ลายการ์ตูน หรืองานกราฟิกประเภทเวคเตอร์ที่ไม่มีการไล่เฉดสี จะทำการแยกส่วนสีได้ไม่ยากโดยอาศัยซอฟต์แวร์ด้านการออกแบบกราฟิกทั่วไป ราวกับ Photoshop , illustrator โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งซอฟแวร์เฉพาะทางด้านการแยกเม็ดสีสกรีนเสื้อ แต่ถ้าว่าถ้าเป็นงาน computer graphic เสมือนจริงที่มีแสงเงา 3 มิติ หรือกราฟิกที่มีการไล่เฉด รวมถึงงานประเภทภาพถ่ายเหมือนจริง จำเป็นจะต้องอาศัยประสบการณ์ความชำนาญของผู้ปฏิบัติงานในการนำเคล็ดลับเฉพาะมาใช้ในขบวนการแยกเม็ดสีในงานสกรีนหรือในบางครั้งอาจจำต้องพึ่งซอฟแวร์เฉพาะทางด้านการแยกสีเพื่อสะดวกพร้อมด้วยความรวดเร็ว โดยทั่วไปกระบวนการแยกเม็ดสีจะแบ่งได้เป็น 3 แบบคือ
1. การแยกสีเม็ดสกรีนเสื้อด้วยสีพิเศษ (Spot color separation) Spot Color เป็นสีพิเศษที่เกิดจากการผสมกันของแม่สีหลักในเปอร์เซ็นต์ที่ต่างกัน ตามรูป สีม่วงเกิดจากการผสมระหว่าง C=77% M=100% Y=28% K=18% หากตรวจจากงานออกแบบเพื่อนำมาใช้สกรีนเสื้อโดยปกติจะใช้วิธีการแยกสีพิเศษหรือแบบ Spot Color เหตุเพราะดีไซน์โดยส่วนใหญ่จะเป็น โลโก้ ลายกราฟิกประเภทตัวหนังสือ พร้อมกับมักจะใช้วิธีสร้างงานกราฟิกประเภทเวกเตอร์ ที่เกิดจากการเกี่ยวโยงเส้นหรือจุดขึ้นเป็นวัตถุแล้วทำการให้สีโดยเลือกจาก Pantone การแยกสีด้วยวิธีการนี้สามารถทำได้ไม่ยากโดยเลือกใช้เครื่องมือขั้นต้นในการเลือกจัดการในแต่ล่ะพื้นที่ของรูปภาพ ดังเช่น Magic Wand Tool ในโปรแกรมด้านการออกแบบกราฟิก เพื่อเลือกวัสดุหรือสีที่เป็นสีเดียวกันแล้วทำการ Add channel color ใหม่สำหรับสีนั้น โดยกำหนดโหมดสีให้อยู่ในโหมด Spot Color การแยกสีด้วยแนวทางนี้จะทำจนครอบคลุมครบทุกสีในไฟล์งานต้นฉบับ แล้วจึงนำไปยิงฟิลม์หรือสั่งพิมพ์ตามจำนวนสีที่ถูกแยกในกรรมวิธีต่อไป
2. การแบ่งสีเม็ดสกรีนแบบ 4 สี CMYK (4 Color process separation) แนวคิดโบราณในงานสกรีนเสื้อโดยจัดแบ่งสีแบบ 4 สี CMYK มีที่มาจากงานสิ่งพิมพ์ที่เรียกว่าการพิมพ์แบบสอดสีหรือการพิมพ์ออฟเซ็ท 4 สี เพราะให้เกิดงานพิมพ์ได้ภาพสมจริงได้สีธรรมชาติตามที่ตาเราสามารถมองเห็นอันเพราะการซ้อนทับกันของเม็ดสีจากแม่สี CMYK ซึ่งเป็นแม่สีที่มีคุณลักษณะในการดูดกลืนแสง เมื่อเม็ดสีของแม่สีแต่ล่ะสีซ้อนทับกันจะทำให้เกิดสีใหม่ตามเปอร์เซ็นที่แตกต่างกันไป ในงานสกรีนเสื้อหรือผ้าที่ต้องการสกรีนภาพเหมือนก็ได้นำแนวคิดแยกสีแบบ 4 สีมาใช้เพราะว่า สีหลักจะประกอบไปด้วย สีฟ้า C =Cayon, สีม่วงแดง M =Magenta สีเหลือง Y=Yellow, และสีดำ K=Back ซึ่งในความจริงแล้วสีดำสามารถเกิดจากการผสมระหว่าง C+M+Y ได้แต่เพราะว่าสีดำที่ได้จะไม่ดำสนิทจริง จึงต้องมีการเพิ่มสีดำขึ้นมาอีกหนึ่งสีแทนการผสมระหว่างสีหลัก 3 สี
3.การแบ่งย่อยสีเม็ดสกรีนเสื้อโดยเลือกจากดัชนีสี (Index color separation) การใช้ดัชนีสีในการแยกเม็ดสกรีนเสื้อ โดยหลักการคือการเลือกสีซึ่งเป็นสีหลัก เพียงบางสีจากไฟล์งานต้นฉบับนำมาแยกสี โดยปรับภาพให้อยู่ในโหมดดัชนีสี ภาพจะถูกแปลงเป็นจุดพิกเซลสีเหลี่ยมจัตุรัส ในต้นแบบ Diffusion Dither ซึ่งแตกต่างกับรูปแบบของ Hafttone คือเม็ดสีที่ได้จะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีขนาดพอๆ กันทุกจุด การควบคุมให้เกิดการไล่เฉดสีจะใช้ช่องว่างของแต่ล่ะเม็ดสีที่ต่างกันเป็นเหตุให้การมองเห็นเป็นการไล่เฉด
จุดแข็งของการใช้ Index color separation เทียบกับกับ Haftone คือ
1. ไม่เกิดการเหลือบลายของสี เพราะว่าการแยกเม็ดสีแบบ Haftone จำเป็นมีการปรับองศาของเม็ดสีในแต่ล่ะ channel แตกต่างกันเพราะให้ผลในการเกิดการซ้อนทับของเม็ดสกรีนทำให้เกิดการผสมสีใหม่ ถ้าว่าการแยกเม็ดสีโดยเลือกจากดัชนีสีเมื่อแปลงเม็ดสีอยู่ในต้นแบบของจุดสี(dot pixel) แบบ Diffusion dither เม็ดสีจะไม่มีการซ้ำ เช่นนั้นเม็ดสกรีนของแต่ล่ะ Channel สีจึงเป็นอิสระจากกันไม่เกิดการซ้ำ
2. เม็ดสีที่เป็นอิสระจากกันไม่ต้องพึ่งการซ้ำเพื่อทำให้เกิดสีใหม่ ทำเอาการผลิตซ้ำในการสกรีนเสื้อแต่ล่ะครั้งได้ข้อสรุปที่เหมือนกันทุกตัว งาน CMYK หรือ Haftone การผลิตซ้ำหากการสกรีนไม่ เป๊ะ และทำมาร์คไม่ดีมีช่องทางทำให้สีเพี้ยนในพื้นที่ซึ่งเกิดการซ้ำของเม็ดสีคลาดเคลื่อน
======================================================